ทั้งนี้มีวิทยากรร่วมเสวนาสาระสำคัญ ดังนี้

1. พ.ต.อ. ณรงค์ เทศวิบูลย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

- ไทยมีการออกกฎหมาย มีการจับกุมหลายคดี มีการดำเนินการในหลายด้าน

- ในส่วนการช่วยเหลือ ดูแลผู้เสียหาย และช่วยเหลือดำเนินการจนถึงการส่งกลับ เมื่อเทียบกับหลายประเทศเราดำเนินการได้ดีกว่า ดังนั้นเสนออีกแนวทางอาจต้องจ้าง lobbyists ในการดำเนินเพื่อให้ไทยสู่ Tier1

2. นางจตุพร แสงหิรัญ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด

- ความผิด “การค้ามนุษย์” จะต้องเข้าข่าย ทั้ง 3 ข้อ คือ

- มีการกระทำ จัดซื้อ หา

- ด้วยวิธี ข่มขู่ บังคับ

- แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

ดังนั้น หลายคดีจึงไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์

- คำแนะนำให้กระทรวงแรงงาน กรณีแรงงานกัมพูชากลับบ้านไปจำนวนมาก และกระทรวงมีความต้องการจะนำเข้าแรงงานต่างด้าวจาก เนปาล,ศรีลังกา,ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเข้ามา ทางกระทรวงต้องเตรียมพร้อมและศึกษาในเรื่องวัฒนธรรมการอยู่ ลักษณะการทำงาน และความพร้อมในการสื่อสาร ทั้งล่ามในส่วนกลางและในแต่ละพื้นที่ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง

3. นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

- นอกจากแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานไทย แรงงานไทยที่ไปทำงานต่างชาติก็เช่นกัน เราควรมีมาตรการ ควบคุม โดยกระทรวงแรงงานมี พรบ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ปี 2528 โดยสามารถร่วมมือกับอาสาสมัคร NGOs กระทรวงพัฒนาฯ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบคนไทยที่เคยไปทำงาน ตปท แบบผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ไปอีก หรืออยู่ในบัญชีที่ไม่สามารถออกเอกสารเดินทางได้ 5-10 ปี เพราะขณะนี้ไทยถูกหลายประเทศเพ่งเล็งในการยกเลิกฟรีวีซ่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ

4. นางอภิญญา ทาจิตต์ รองผู้อำนวยการศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทางทะเล (Stella Maris)

- การลดขั้นตอน และค่าใช้จ่ายในการเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าวในการมาทำงานในไทย จะป้องการเรื่องหนี้สินของแรงงาน ซึ่งทำให้ลดเรื่องแรงงานขัดหนี้ของแรงงาน

- นอกจากการช่วยเหลือและดูแลคุ้มครองแรงงานแล้ว กระทรวงแรงงานต้องดูแลและคุ้มครองผู้ประกอบการด้วย